เซลล์ภูมิคุ้มกัน
(IMMUNE CELLS)
เซลล์ภูมิคุ้มกัน ( immune cells ) คือ เซลล์นักฆ่า ( killer cells ) ที่ทำหน้าที่หลัก ในการทำลายสิ่งแปลกปลอม โดยเฉพาะเซลล์ติดเชื้อไวรัส ( virus-infected cells ) เซลล์มะเร็ง ( cancer cells ) และเซลล์เสื่อมสภาพ ( senescent cells ) ประกอบด้วย
- NK cells หรือ natural killer cells ( เซลล์เพชฌฆาต )
- T cells แบ่งเป็น
- กลุ่มหลัก ( CD3+/CD4+/CD8+ cells )
- กลุ่มควบคุม ( Regulatory T ( Treg ) cells )
NK cells หรือ natural killer cells ( เซลล์เพชฌฆาต )
คือเซลล์เม็ดเลือดขาวขนาดใหญ่ มีบทบาทสำคัญในระบบภูมิคุ้มกันโดยกำเนิด (Innate immune system) เปรียบเหมือนทหารด่านหน้าที่มุ่งทำลายสิ่งแปลกปลอม เช่น เซลล์ติดเชื้อ (Infected cell) เซลล์มะเร็ง (Cancer cell) ได้ทันที โดยไม่ต้องจดจำหรือรู้จักสิ่งแปลกปลอมล่วงหน้า และไม่ต้องกระตุ้นโดยเซลล์ภูมิคุ้มกันอื่น ๆ มีงานวิจัยพบว่าถ้า NK cell มีประสิทธิภาพการทำงานลดลง ร่างกายจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งอย่างมีนัยสำคัญ

การตรวจวิเคราะห์ประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์เพชฌฆาต
NK cell activity
วินเซลล์ รีเซิร์ช ใช้เทคโนโลยีการตรวจวัดประสิทธิภาพการทำงานของ NK cells ที่เป็นเทคนิคที่เทียบเท่าวิธีมาตรฐาน (Gold standard) คือ 51Cr release assay เป็นการตรวจวัดความสามารถในการทำลายเซลล์มะเร็งของ NK cells
( CD56dim/CD16bright ) โดยตรง ด้วย วิธี Calcein-AM cytotoxicity assay ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับการยอมรับ มีความแม่นยำและไม่เป็นอันตรายต่อผู้ปฏิบัติงาน

การตรวจจำนวนเซลล์เพชฌฆาต
NK cell count
ใช้เทคนิค Flow Cytometry ซึ่งเป็นการตรวจวัดจำนวน NK cells ในกระแสเลือด เพื่อช่วยประเมินความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งและการติดเชื้อไวรัส ผู้ที่มี NK cell ต่ำกว่าปกติจะมีความเสี่ยงสูงขึ้นต่อการเกิดมะเร็งและการติดเชื้อ การตรวจทั้งจำนวนและประสิทธิภาพการทำงานของ NK cell ควบคู่กัน จะทำให้สามารถประเมินศักยภาพของ NK cell ได้ดียิ่งขึ้น
บุคคลที่ควรตรวจวิเคราะห์ประสิทธิภาพและจำนวน NK cells
- ผู้มีภาวะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง เช่น ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ เครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ น้ำหนักเกิน
การตรวจวิเคราะห์
T cells

ลักษณะของ T cells และหน่วยรับรู้บนผิวเซลล์
T cells มีหลายชนิด เช่น Cytotoxic T cells (CD8) ที่ช่วยกำจัดเซลล์ติดเชื้อและเซลล์มะเร็ง, Helper T cells (CD4) ที่ช่วยกระตุ้นและควบคุมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน, Regulatory T cells (Treg cells) มีหน้าที่ควบคุมและยับยั้งการตอบสนองที่มากเกินไปของระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งอาจนำไปสู่โรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง ช่วยรักษาความสมดุลของภูมิคุ้มกัน

การแบ่งกลุ่มและบ่งชี้ชนิดเซลล์ทีด้วย Cluster of differentiation (CD)
การตรวจจำนวน T cells กลุ่มหลัก
(CD3+/CD4+/CD8+ CELL COUNT)

คือ การตรวจวัดจำนวน T cells กลุ่มหลักในกระแสเลือด เพื่อสามารถตรวจประเมินได้ถึงจำนวนของ Cytotoxic T แcells (CD8) และจำนวนของ Helper T cells (CD4) เพื่อดูความพร้อมในการกำจัดเซลล์ที่ติดเชื้อ สิ่งแปลกปลอม รวมถึงความพร้อมในการกระตุ้น และควบคุมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การตรวจจำนวน T cells กลุ่มควบคุม
Regulatory T cell (Treg cell) count
Regulatory T Cell ( Treg cell ) คือ T cells กลุ่มควบคุม มีหน้าที่ในการรักษาสมดุลของระบบภูมิคุ้มกันภายในร่างกาย โดยป้องกันไม่ให้ T cells ที่จดจำเซลล์ของร่างกายทำลายเซลล์ของร่างกายตัวเองได้ นอกจากนี้ ยังป้องกันไม่ให้ภูมิคุ้มกันของแม่ทำอันตรายต่อทารกที่อยู่ในครรภ์ และยังช่วยยับยั้งการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวที่มีความไวต่อสิ่งแปลกปลอมมากกว่าปกติซึ่งเป็นสาเหตุของอาการแพ้หรือหอบหืดอีกด้วย


ความสำคัญของการตรวจจำนวน Regulatory T cell หรือ Treg cell count
ผลการตรวจสามารถช่วยประเมินความเสี่ยงในการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันและโรคมะเร็งได้ โดยควรประกอบการตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์อื่น ๆร่วมด้วย
- จำนวน Treg cells ที่ต่ำลงจากระดับปกติ
อาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันไม่สามารถยับยั้งเม็ดเลือดขาวไม่ให้ทำลายเซลล์ของตนเอง เป็นสาเหตุของโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง (Autoimmune diseases) รวมทั้งอาจไม่สามารถยับยั้งการทำงานของเซลล์อื่น ๆ ในระบบภูมิคุ้มกัน ส่งผลให้เกิดอาการแพ้หรือก่อโรคภูมิแพ้
- จำนวน Treg cells ที่สูงขึ้นจากระดับปกติ
อาจบ่งชี้ถึงความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งหรือโรคติดเชื้อไวรัส เช่น การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (HBV), ตับอักเสบซี (HCV), HIV และ Herpes Simplex Virus (HSV) เนื่องจาก Treg cells ช่วยทำให้เซลล์มะเร็งหรือเชื้อไวรัสหลบเลี่ยงเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันของเราได้

รูปข้างต้น แสดงถึง กลไกการทำงานร่วมกันของเซลล์ต่างๆ ในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เมื่อมีการตรวจพบเซลล์มะเร็ง โดยเซลล์ที่มีหน้าที่ในการนำเสนอชิ้นส่วนของสิ่งแปลกปลอม เช่น Dendritic cells หรือ Macrophage นำเสนอชิ้นส่วนของเซลล์มะเร็งให้กับ Treg cells จากนั้น Treg cells จะไปยับยั้งการทำงานของ T cells ส่งผลให้ T cells ไม่สามารถกำจัดเซลล์มะเร็ง ได้
บุคคลที่ควรตรวจจำนวน Regulatory T cells
- คนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง
- ผู้ที่อยู่ระหว่างการรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับภาวะภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง
- ผู้ที่อยู่ระหว่างการรักษาโรคภูมิแพ้
- ผู้ที่อยู่ระหว่างการรักษาโรคมะเร็ง
- ผู้ที่ติดเชื้อไวรัส ซึ่งสะท้อนถึงภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคตับ เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง
- พักผ่อนน้อย เครียด ขาดการออกกำลังกาย มีปัญหาสุขภาพ
- มีภาวะทุพโภชนาการจากการรับประทานอาหารไม่ถูกสัดส่วน
การปฏิบัติตนเพื่อเพิ่มจำนวน
Regulatory T cell หรือ Treg cell
- พบแพทย์เพื่อหาข้อมูลปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเองและโรคมะเร็ง
- การใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย
- เพิ่มการรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ หรือวิตามินเสริมโดยเฉพาะวิตามินเอ
- ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะในตอนเช้าเพื่อรับวิตามินดีมากขึ้น
- พักผ่อนให้เพียงพอ ปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิตให้สมดุล